อนุทินที่ 5 วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับพระ
วันที่: 20 ก.พ. 60 เวลา: 08:20 น.
ส่อรุนแรงแต่เช้า!
ปะทะกันแล้วที่หน้าวัดพระธรรมกาย
หลังพระสงฆ์ดาหน้ากรูออกมาผลักดันจนท.ออกจากประตู
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า
บรรยากาศบริเวณหน้าปากทางเข้า-ออก ของประตู 5 และ 6
ของวัดพระธรรมกาย ว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ยืนตรึงกำลังกันอยู่ที่บริเวณปากทางเข้า-ออก
ที่จะเลี้ยวเข้าประตู 5 และ 6 คลองแอล
ซึ่งขณะนั้นได้มีกลุ่มพระสงฆ์จำนวนหนึ่งประมาณ 20 รูป
เดินถือลำโพงพูดออกมาว่าจะออกมารับบรรดาญาติโยมที่ยืนรออยู่ที่ปากทางเข้ามาไม่ได้และกลุ่มพระสงฆ์ได้ตั้งแถวเดินออกมาเกือบถึงปากซอยทางออก
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้จัดแนวแถวออกมายันกลุ่มพระสงฆ์เอาไว้จึงเกิดการเผชิญหน้าและปะทะและผลักดันฮือกันไปมาซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดความตึงเครียดขึ้นของทั้งสองฝ่าย
และในทีแรกทางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อยากลงมือหรือทำอะไรที่เกินกว่าเหตุได้แต่เพียงผลักดันและยื้อกลุ่มพระสงฆ์เอาไว้
ต่อมาทางหัวหน้าชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุขอกำลังเสริมจากกำบังอีกชุดให้วิ่งเข้ามาช่วย
ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจล้มลงและเศษไม้ทิ่มเข้าที่มือมีเลือดไหลออกมาและได้มีการยื้อฉุดรั้งเกิดขึ้นของทั้งสองกลุ่มใช้เวลาผลักดันและปะทะกำลังเกือบ
20
นาที
และระหว่างนั้นได้มีญาติโยมเป็นหญิงสูงอายุจะเข้ามาพูดห้ามได้เกิดพลัดล้มเข้าไปอยู่ในวงล้อมของการปะทะทำให้ถูกเหยียบลงกับพื้นแต่อาการไม่สาหัสเท่าไร
ในการปะทะครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่มือและขา 2 นาย พระบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
มีญาติโยมได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย
เจ้าหน้าที่นำตัวหญิงบาดเจ็บส่งรพ.ใกล้เคียง
โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังกันไว้และประจันหน้ากันระยะห่าง 2 เมตร สถานการณ์ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์
ปรากฏว่า ยังคงมีสื่อมวลชนจากหลายสำนักปักหลักเฝ้าทำข่าวกันอยู่
และพระสงฆ์จากวัดพระธรรมกายได้ออกเดินบิณฑบาตกันตามปกติ
โดยมีบรรดาญาติโยมต่างทยอยกันเดินออกมาจากพื้นที่ด้านในอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ยืนรักษาการณ์ตรึงกำลังกันอยู่ที่ปากทางได้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้เหล่าศิษยานุศิษย์ที่กำลังเดินทางออกมาให้ทราบว่า
สามารถเดินทางออกไปเพื่อกลับบ้านได้ แต่จะไม่อนุญาตให้กลับเข้าไปในวัดใหม่ได้อีก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 03.27 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์
ได้พบมีการเคลื่อนไหวของพระภิกษุและสามเณรจากจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงประมาณจำนวน
15 รูป ที่ต่างทะยอยเดินทางกันเข้ามา
ซึ่งตนยืนรวมตัวกันที่บริเวณปากซอยทางเข้าวัดพระธรรมกาย
เพื่อจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ให้ช่วยเปิดทางเข้าไปภายในพื้นที่ของประตู
5 และ 6 ด้วย
วิเคราะห์ข่าว
พระสงฆ์
หรือ หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า คือมนุษย์ที่ได้ฟังคำสั่งสอนแล้วเกิดความเลื่อมใสจนสละเรือนออกบวชตามพระพุทธเจ้า
เพราะต้องการจะได้บรรลุธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้
พระสงฆ์จึงจัดได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม สำรวมตน ยึดมั่นในการปฏิบัติคุณความดี
เป็นที่เคารพนับถือและยังเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของบรรดาชาวพุทธหรือพุทธศาสนิกชน
เพราะพระสงฆ์คือผู้ที่สืบทอดเหลักธรรมแห่งการดำรงชีวิตบนโลกของชาวพุทธ
ดังจะเห็นหลักคำสอนหรือคัมภีร์พระไตรปิฎกที่ปรากฏและสะท้อนให้เห็นถึงวิธีแห่งชาวพุทธ
แต่หากเราย้อนดูข่าวที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน
จะเห็นได้ว่ามีข่าวที่เกี่ยวกับพระสงฆ์มากมาย ได้แก่ ข่าวพระสงฆ์ที่ผิดวินัย
ข่าวพระสงฆ์กับสีกา หรือแม้แต่ข่าวที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่พูดกันมาก
นั่นคือ ข่าววัดพระธรรมกาย หลังจากที่กระผมได้อ่านข่าว “ส่อรุนแรงแต่เช้า!
ปะทะกันแล้วที่หน้าวัดพระธรรมกาย หลังพระสงฆ์ดาหน้ากรูออกมาผลักดันจนท.ออกจากประตู”
ลำดับแรกรู้สึกตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น
เพราะผู้ที่อยู่ในศีลในกฎไม่ควรมีพฤติกรรมที่ปรากฏดังในข่าว นั่นคือ
การใช้กำลังที่ปราศจากการคิดหรือไตร่ตรองถึงวินัยและสิ่งที่จะตามมา
และเช่นกันทางฝ่ายเจ้าที่ก็ไม่ควรใช้กำลังกับผู้ที่ยึดมั่นในหลักธรรมหรือเผยแพร่ศาสนา
ควรให้ความเคารพและใจเย็นในการแก้ปัญหา
ผลของการปะทะระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังส่งผลต่อชาวบ้านซึ่งเป็นผู้แสวงบุญได้รับบาดเจ็บไปด้วย
กระผมจึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทั้ง 2
ฝ่าย
หากเราลองใช้ความเมตตากรุณาต่อกัน
สังคมของเราจะน่าอยู่เพียงใด
ยังคงเป็นคำถามที่ต้องการให้ทุกคนลองสะท้อนและหระหนักถึงการให้อภัย
ถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
โดยยึดมั่นในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอันเป็นหลักคำสอนที่สำคัญที่สุดของชาวพุทธ
“เมืองไทยคือเมืองพุทธ” ชาวพุทธก็ต้องมีน้ำใจและให้อภัยซึ่งกันและกัน
สังคมของเราก็จะน่าอยู่และมีแต่สิ่งดี ๆ
นายอัครวิทย์ ลายดุล รหัสนักศึกษา 5681114005
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ 01
มหาวิทยาลัยราภัฎนครศรีธรรมราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น