อนุทินที่ 8 สรุปผลเรื่องสวอท.(SWOT)
SWOT Analysis
SWOT Analysis เป็นการวิเคราะห์และประเมินสภาพองค์การหรือหน่วยงานในปัจจุบัน
ซึ่งช่วยผู้บริหารในการค้นหาจุดแข็ง จุดเด่น จุดด้อยจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอปสรรตจากสภาพแวดล้อมภายนอก
นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเป็นปัญหาหรือผลกระทบที่สำคัญในการดำเนินงานสู่สภาพที่ต้องการในอนาคต
โดยการวิเคราะห์จุดแข็ง และจุดอ่อนนั้นจะวิเคราะห์จากภายในกิจการ
ส่วนการวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคนั้นจะวิเคราะห์จากภายนอกกิจการ
SWOT
มากจากตัวย่อภาษาอังกฤษ 4 ตัว ได้แก่
S (Strengths) หมายถึง จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบ
W (Weaknesses) หมายถึง จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบ
O (Opportunities) หมายถึง โอกาสที่จะดำเนินการได้
T (Treats) หมายถึง อุปสรรค ข้อจำกัด
หรือปัจจัยที่คุกคามการดำเนินงาน
ขององค์การ
หลักการสำคัญของ SWOT
SWOT คือการวิเคราะห์โดยการสำรวจสภาพแวดล้อม 2 ด้าน
ได้แก่สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งเป็นการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน
เพื่อให้รู้ตนเอง (รู้เรา) รู้จักสภาพแวดล้อม (รู้เขา) ชัดเจน
และวิเคราะห์โอกาส-อุปสรรค
การวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร
ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารขององค์กรทราบถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นภายนอกองค์กร
ทั้งสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
รวมทั้งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่จะมีผลต่อองค์กร และจุดแข็ง จุดอ่อน
และความสามารถด้านต่าง ๆ ที่องค์กรมีอยู่
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการกำหนดวิสัยทัศน์
การกำหนดกลยุทธ์และกิจกรรมดำเนินการขององค์กรที่เหมาะสมต่อไป
ประโยชน์ของการวิเคราะห์ SWOT
การวิเคราะห์ SWOT
เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้แต่ละอย่างจะช่วยให้เข้าใจได้ว่ามีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานขององค์กรอย่างไร
จุดแข็งขององค์กรจะเป็นความสามารถภายในที่ถูกใช้ประโยชน์เพื่อการบรรลุเป้าหมาย
ในขณะที่จุดอ่อนขององค์กรจะเป็นคุณลักษณะภายในที่อาจจะทำลายผลการดำเนินงาน
โอกาสทางสภาพแวดล้อมจะเป็นสถานการณ์ที่ให้โอกาสเพื่อการบรรลุเป้าหมายองค์กรในทางกลับกันอุปสรรคทางสภาพแวดล้อมจะเป็นสถานการณ์ที่ขัดขวางการบรรลุเป้าหมายขององค์กร ผลจากการวิเคราะห์ SWOT
นี้จะใช้เป็นแนวทางในการกำหนดวิสัยทัศน์ การกำหนดกลยุทธ์
เพื่อให้องค์กรเกิดการพัฒนาไปในทางที่เหมาะสม
ขั้นตอนวิธีการดำเนินการทำ SWOT
Analysis
การวิเคราะห์ SWOTจะครอบคลุมขอบเขตของปัจจัยที่กว้าง
ด้วยการระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคขององค์กร ทำให้มีข้อมูล
ในการกำหนดทิศทางหรือเป้าหมายที่จะถูกสร้างขึ้นมาบนจุดแข็งขององค์กร
และแสวงหาประโยชน์จากโอกาสทางสภาพแวดล้อม และสามารถ
กำหนดกลยุทธ์ที่มุ่งเอาชนะอุปสรรคทางสภาพแวดล้อมหรือลดจุดอ่อนขององค์กรให้มีน้อยที่สุดได้
ภายใต้การวิเคราะห์ SWOT นั้น
จะต้องวิเคราะห์ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก องค์กร โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) การประเมินสภาพแวดล้อมภายในองค์กร
จะเกี่ยวกับการวิเคราะห์และพิจารณาทรัพยากรและความสามารถภายในองค์กร ทุก ๆ ด้าน
เพื่อที่จะระบุจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กรแหล่งที่มาเบื้องต้นของข้อมูลเพื่อการประเมินสภาพแวดล้อมภายใน
คือ ระบบข้อมูลเพื่อการบริหารที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งในด้านโครงสร้าง ระบบ ระเบียบ
วิธีปฏิบัติงาน บรรยากาศในการทำงาน และทรัพยากร (คน เงิน วัสดุ การจัดการ)
ค่านิยมองค์กร รวมถึงการพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมาขององค์กร
เพื่อที่จะเข้าใจสถานการณ์และผลของวิธีการดำเนินการก่อนหน้านี้ด้วย
- จุดแข็งขององค์กร (S-Strengths) เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายในจากมุมมองของผู้ที่อยู่ภายในองค์กรนั้นเองว่าปัจจัยใดภายในองค์กรที่เป็นข้อได้เปรียบหรือจุดเด่นขององค์กรที่องค์กรควรนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กรได้
และควรดำรงไว้เพื่อการเสริมสร้างความเข็มแข็งขององค์กร
- จุดอ่อนขององค์กร (W-Weaknesses) เป็นการวิเคราะห์ ปัจจัยภายในจากมุมมองของผู้ที่อยู่ภายในจากมุมมอง
ของผู้ที่อยู่ภายในองค์กรนั้น ๆ เองว่าปัจจัยภายในองค์กรที่เป็นจุดด้อย
ข้อเสียเปรียบขององค์กรที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือขจัดให้หมดไป
อันจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
2) การประเมินสภาพแวดล้อมภายนอก
โดยพิจารณาโอกาสและอุปสรรคทางการดำเนินงานขององค์กรที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมต่าง
ๆ ได้แก่
• สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในและระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการดำเนินงานขององค์กร
เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นโยบาย การเงิน การงบประมาณ
• สภาพแวดล้อมทางสังคม
เช่น โครงสร้างประชากร ระดับการศึกษา อัตรารู้หนังสือ การตั้งถิ่นฐาน
การอพยพและการย้ายถิ่น ลักษณะชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณี ค่านิยม
ความเชื่อและวัฒนธรรม
• สภาพแวดล้อมทางการเมือง
เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา มติคณะรัฐมนตรี
• สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี
หมายถึง กรรมวิธีใหม่ๆและพัฒนาการทางด้านเครื่องมือ
อุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและให้บริการ
• สถานะสุขภาพ
อัตราการป่วย/ตายด้วยโรคและภัยสุขภาพของประชากร พฤติกรรมทางสุขภาพ
รวมถึงระบบสุขภาพ
• สภาพแวดล้อมทางสิ่งแวดล้อม
เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิอากาศ ระบบนิเวศ
ผลกระทบจากการเกษตร อุตสาหกรรม เป็นต้น
- โอกาสทางสภาพแวดล้อม (O-Opportunities) เป็นการวิเคราะห์ว่าปัจจัยภายนอกองค์กร
ปัจจัยใดที่สามารถส่งผล กระทบประโยชน์
ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำเนินการขององค์กรในระดับมหาภาค
และองค์กรสามารถฉกฉวยข้อดีเหล่านี้มาเสริมสร้างให้หน่วยงานเข็มแข็งขึ้นได้
- อุปสรรคทางสภาพแวดล้อม (T-Threats) เป็นการวิเคราะห์ว่าปัจจัยภายนอกองค์กรปัจจัยใดที่สามารถส่งผล
กระทบในระดับมหภาคในทางที่จะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม
ซึ่งองค์กรจำต้องหลีกเลี่ยง หรือปรับสภาพองค์กรให้มี
ความแข็งแกร่งพร้อมที่จะเผชิญแรงกระทบดังกล่าวได้
3) ระบุสถานการณ์จากการประเมินสภาพแวดล้อม
เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดแข็ง-จุดอ่อน โอกาส-อุปสรรค
จากการวิเคราะห์ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกด้วยการประเมินสภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว
ให้นำจุดแข็ง-จุดอ่อนภายในมาเปรียบเทียบกับ โอกาส-อุปสรรค
จากภายนอกเพื่อดูว่าองค์กร กำลังเผชิญสถานการณ์เช่นใดและภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น
องค์กรควรจะทำอย่างไร โดยทั่วไป ในการวิเคราะห์ SWOT ดังกล่าวนี้ องค์กร จะอยู่ในสถานการณ์ 4
รูปแบบดังนี้
ก. สถานการณ์ที่ 1
(จุดแข็ง-โอกาส) สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่พึ่งปรารถนาที่สุด
เนื่องจากองค์กรค่อนข้างจะมีหลายอย่าง ดังนั้น
ผู้บริหารขององค์กรควรกำหนดกลยุทธ์ในเชิงรุก (Aggressive - strategy) เพื่อดึงเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาเสริมสร้างและปรับใช้และฉกฉวยโอกาสต่าง ๆ
ที่เปิดมาหาประโยชน์อย่างเต็มที่
ข. สถานการณ์ที่ 2
(จุดอ่อน-ภัยอุปสรรค)
สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
เนื่องจากองค์กรกำลังเผชิญอยู่กับอุปสรรคจากภายนอกและมีปัญหาจุดอ่อนภายในหลายประการ
ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ กลยุทธ์ การตั้งรับหรือป้องกันตัว (Defensive
strategy) เพื่อพยายามลดหรือหลบหลีกภัยอุปสรรค ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ตลอดจนหามาตรการที่จะทำให้องค์กรเกิดความสูญเสียที่น้อยที่สุด
ค.
สถานการณ์ที่ 3 (จุดอ่อน-โอกาส)
สถานการณ์องค์กรมีโอกาสเป็นข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันอยู่หลายประการ
แต่ติดขัดอยู่ตรงที่มีปัญหาอุปสรรคที่เป็นจุดอ่อนอยู่ หลายอย่างเช่นกัน ดังนั้น
ทางออก คือ กลยุทธ์การพลิกตัว (Turnaround-oriented
strategy) เพื่อจัดหรือแก้ไขจุดอ่อนภายในต่าง ๆ ให้
พร้อมที่จะฉกฉวยโอกาสต่าง ๆ ที่เปิดให้
ง. สถานการณ์ที่ 4 (จุดแข็ง-อุปสรรค)
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงาน
แต่ตัวองค์กรมีข้อได้เปรียบที่เป็นจุดแข็งหลายประการ ดังนั้นแทนที่จะรอจนกระทั่งสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป
ก็สามารถที่จะเลือกกลยุทธ์การแตกตัว หรือ ขยายขอบข่ายกิจการ (Diversification
Strategy) เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่มีสร้างโอกาสในระยะยาวด้านอื่น
ๆ แทน
4) ข้อพิจารณาในการวิเคราะห์
SWOT มีดังนี้
1) ควรวิเคราะห์แยกแยะควรทำอย่างลึกซึ้ง
อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อให้ได้ปัจจัยที่มีความสำคัญจริง ๆ
เป็นสาเหตุ หลัก ๆ ของปัญหาที่แท้จริง
กล่าวคือ เป็นปัจจัยที่มีประโยชน์ในการนำไปกำหนดเป็นนโยบาย ตลอดจนสามารถนำไปกำหนดกลยุทธ์
ที่จะทำให้องค์การ/ชุมชนบรรลุเป้าหมายที่เป็นผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย (Result) ได้จริง
2) การกำหนดปัจจัยต่าง
ๆ ไม่ควรกำหนดของเขตของความหมายของปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จุดอ่อน (W) หรือ จุดแข็ง (S) หรือ โอกาส (O) หรือ อุปสรรค (T) ให้มีความหมายคาบเกี่ยวกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดสินใจ
และชี้ชัดว่าปัจจัยที่กำหนดขึ้นมานั้นเป็นปัจจัยในกลุ่มใด
ทั้งนี้เพราะปัจจัยที่อยู่ต่างกลุ่มกัน
ก็ต้องสมควรที่จะนำไปกำหนดกลยุทธ์ที่ต่างกันออกไป
การศึกษาสถานภาพสถานศึกษา
การศึกษาสถานภาพ เป็นการศึกษาวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งนั้น
ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินสภาพว่าเป็นอย่างไรและควรพัฒนาไปในทิศทางใด
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเป็นการสำรวจหาขีดความสามารถเพื่อใช้ในการวางแผน สำหรับขั้นตอนการศึกษาสถานภาพ
มีดังนี้
1.วิเคราะห์ภารกิจและผลผลิตหลัก
2.
วิเคราะห์สภาพแวดล้อม (ภายใน, ภายนอก)
3.
ประเมินสถานภาพสถานศึกษา
4.
ทิศทางของสถานศึกษา
5. กำหนดกลยุทธ์
การศึกษาสถานภาพสถานศึกษาเป็นการเลือกวิธีการทำงานอย่างมีทิศทางที่เหมาะสม
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
การกำหนดทิศทางของสถานศึกษาช่วยให้การดำเนินงานของสถานศึกษามีความชัดเจนมากขึ้น
ซึ่งสถานศึกษาต้องรู้สถานภาพของตนเองก่อนว่าอยู่ในสถานภาพที่ต้องปรับขยาย แก้ไข
หรือพัฒนาอะไรบ้าง
วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน
อุปสรรคของตนเองต่อวิชาที่เรียน
จุดแข็ง (S)
1.เวลาอาจารย์สอน
จะคิดตามสิ่งที่อาจารย์พูด
2.มาเรียนตรงเวลา
3.เตรียมเอกสาร
เนื้อหาก่อนมาเรียน
4.มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในห้องเรียน
ทำให้มีมุมมองใหม่ๆ
5.มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการทำกิจกรรมในห้องเรียน
6.รับผิดชอบงานที่อาจารย์สั่ง
จุดอ่อน (w)
1.ยึดติดในความคิดของตัวเองมากเกินไป
2.ขี้เกียจ
และ ผัดวันประกันพรุ่ง
3.ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
ลังเลใจ
4.สะเพร่า
5.เรียนหรืออ่านอะไรไปแล้วถ้าไม่ทบทวนจะลืม
6.ความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับปานกลาง
ทำให้บางครั้งไม่เข้าในเนื้อหาวิชาและการ
นำไปวิเคราะห์
7.ไม่อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
โอกาส (o)
1.สามารถนำทฤษฎีที่เรียนมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้
2.ในการเรียนวิชานี้สามารถนำความรู้และทฤษฎีมาวิเคราะห์ข่าว
โฆษณาและเพลงได้
3.อาจารย์อธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนและเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญเสมอ
4.สามารถถามอาจารย์ในสิ่งที่ไม่เข้าและอาจารย์จะตอบคำถามให้อีกครั้งอย่างชัดเจน
5.มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้อื่นในกลุ่ม
6.ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ
ในการแปล และศัพท์ใหม่ๆ
อุปสรรค (T)
1.จำความหมายศัพท์เฉพาะบางตัวไม่ได้
2.มีกิจกรรมระหว่างเรียนทำให้เนื้อหาที่เรียนไม่ต่อเนื่องกันทำให้บางครั้งลืมเนื้อหาที่
เรียน
3.ไม่เข้าใจในวิธีการนำทฤษฎีบางตัวไปใช้
4.ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบทเรียนเป็นเวลานาน
ทำให้ไม่ทันเพื่อน
นายอัครวิทย์ ลายดุล รหัสนักศึกษา 5681114005
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ 01
มหาวิทยาลัยราภัฎนครศรีธรรมราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น